- Home
- News
- Embassy Activities
- ข่าวและประกาศ
- กิจกรรมสถานทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา เชิญคณะวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบเยือนสาธารณรัฐออสเตรีย เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือด้านอาชีวศึกษา
เมื่อวันที่ 19 – 22 กันยายน 2566 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา ได้เชิญนางอรทัย โยธินรุ่งเรือง สุดสงวน ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ พร้อมคณะ รวม 4 คน เดินทางเยือนสาธารณรัฐออสเตรีย เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาและต่อยอดความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาในการฝึกอบรมโดยใช้การทำงานเป็นฐาน สืบเนื่องจากที่กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงแรงงานและเศรษฐกิจแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านอาชีวศึกษา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565
ในโอกาสดังกล่าว ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตฯ และคณะวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบได้พบหารือกับผู้แทนกระทรวงแรงงานและเศรษฐกิจออสเตรีย โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการนำระบบอาชีวศึกษาที่เน้นการทำงานของออสเตรียไปปรับใช้กับระบบอาชีวศึกษาของไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของฝ่ายไทยที่ประสงค์จะเพิ่มสัดส่วนการฝึกอบรมโดยใช้การทำงานเป็นฐานให้มากขึ้น
โอกาสนี้ คณะวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบยังได้เดินทางไปยังเมือง Linz ออสเตรีย เพื่อพบหารือกับผู้แทนสภาหอการค้าออสเตรีย (Austrian Federal Economic Chamber: WKO) ประจำภูมิภาคออสเตรียเหนือ (Upper Austria) และเยี่ยมชมสถาบันส่งเสริมเศรษฐกิจออสเตรีย (Institute for Economic Promotion: WIFI) ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาทักษะให้กับผู้ใหญ่ในลักษณะของ lifelong learning รวมถึงนักเรียนและนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาภาคบังคับและประสงค์จะพัฒนาทักษะในสายอาชีพ นอกจากนี้ ได้เข้าเยี่ยมชมการเรียนการสอนที่สถาบันอาชีวศึกษาเขต 5 และศึกษาดูงานการฝึกอาชีพที่ศูนย์ฝึกอบรมของเครือบริษัท SIEMENS และบริษัทระบบรางของออสเตรีย ÖBB Infrastructure ซึ่งเป็นการฝึกงานภายใต้ระบบอาชีวศึกษาของออสเตรีย
การเยือนออสเตรียของวิทยาลัยฯ ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินโครงการของสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อขับเคลื่อนและต่อยอดความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาระหว่างไทยกับออสเตรียให้มีความคืบหน้า โดยคณะวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบชื่นชมความก้าวหน้าของระบบอาชีวศึกษาของออสเตรียเป็นอย่างมาก โดยวิทยาลัยฯ และกระทรวงแรงงานและเศรษฐกิจออสเตรียเห็นพ้องกันที่จะดำเนินความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบกับบริษัทเอกชนของออสเตรียที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยเพื่อเพิ่มโอกาสให้นักศึกษาของวิทยาลัยฯ ได้เข้าฝึกงานในบริษัทเอกชนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาในการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นจากการปฏิบัติงานจริง ส่วนบริษัทเอกชนออสเตรียก็จะได้รับประโยชน์จากการมีแรงงานฝีมือเพื่อตอบสนองอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้น