- Home
- ข้อควรรู้ในการเดินทาง/พำนักอาศัย
- ถามตอบเรื่องวีซ่า
- ข้อควรรู้ในการเดินทาง/พำนักอาศัย
ถามตอบเรื่องวีซ่า
ถาม: VISA คืออะไรครับ
ตอบ: เวลาที่จะเดินทางไปต่างประเทศ สิ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือ (1) หนังสือเดินทาง (2) visa เข้าประเทศนั้นในหนังสือเดินทาง (3) ตั๋วเครื่องบิน (4) เงินสําหรับใช้จ่ายเป็นสกุลเงินท้องถิ่นหรือเงินสกุลหลักที่ประเทศนั้น ๆ ยอมรับค่ะ สรุปอย่างง่าย ๆ VISA คือ การขออนุญาตเข้าประเทศอื่นค่ะ คนไทยต้องมี VISA ก่อนที่จะเดินทางไปประเทศต่าง ๆ ค่ะ
ถาม: ทราบมาว่ามีบางประเทศที่คนไทยไม่ต้องขอ VISA ก่อนเข้าประเทศของเขาใช่ไหมครับ
ตอบ: ถูกต้องค่ะ มีหลายประเทศที่รัฐบาลไปทำความตกลงเอาไว้เพื่อให้เดินทางไปมากันได้สะดวก และมีอีกหลายประเทศที่เขาอำนวยความสะดวกให้คนไทยเป็นพิเศษ ปัจจุบัน (เมษายน 2551) มีอยู่ 19 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ ที่ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทยสามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องใช้ VISA ได้แก่
1.อาร์เจนตินา (อยู่ได้ 90 วัน) 2. บาห์เรน (อยู่ได้ 14 วัน) 3. บราซิล (อยู่ได้ 90 วัน) 4. บรูไน (อยู่ได้ 14 วัน) 5. ชิลี (อยู่ได้ 90 วัน) 6. ฮ่องกง (อยู่ได้ 30 วัน) 7. อินโดนีเชีย (อยู่ได้ 30 วัน) 8. เกาหลีใต้ (อยู่ได้ 90 วัน) 9. ลาว (อยู่ได้ 30 วัน) 10. มาเก๊า (อยู่ได้ 30 วัน) 11. มองโกเลีย (อยู่ได้ 30 วัน) 12. มาเลยเซีย (อยู่ได้ 30 วัน) 13. มัลดีฟส์ (อยู่ได้ 30 วัน) 14. เปรู (อยู่ได้ 90 วัน) 15. ฟิลิปปินส์ (อยู่ได้ 21 วัน) 16. รัสเชีย (อยู่ได้ 30 วัน) 17. สิงคโปร์ (อยู่ได้ 30 วัน) 18. แอฟริกาใต้ (อยู่ได้ 30 วัน) 19. เวียดนาม (อยู่ได้ 30 วัน)
สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ ปัจจุบัน รัฐบาลไทยก็มีความตกลงกับ 42 ประเทศ ให้สามารถเดินทางไปราชการได้โดยไม่ต้องใช้ VISA รายชื่อประเทศดูได้ใน www.consular.go.th ในหน้าของกองตรวจลงตราฯ ค่ะ
ถาม: ตรวจดูรายชื่อประเทศแล้ว การไปหลาย ๆ ประเทศยังต้องขอ VISA ก่อน เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ จะต้องทำอย่างไรเพื่อจะได้ VISA ครับ
ตอบ: ที่ที่เราจะไปขอ VISA ก็คือสถานทูตของประเทศที่เราจะไป เช่น จะไปสหรัฐฯ ก็ต้องขอ VISA ที่สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ หรือสถานกงสุลสหรัฐที่เชียงใหม่ เป็นต้น ต้องใช้เอกสารหลักฐานอะไรบ้าง ก็ต้องสอบถามกับสถานทูตของประเทศนั้น ๆ ค่ะ
ถาม: ไปเที่ยวอย่างเดียวกับไปทำอย่างอื่น VISA แตกต่างกันไหมครับ
ตอบ: วัตถุประสงค์ของการเดินทางก็เป็นปัจจัยสำคัญค่ะ เช่น การไปเที่ยวกับการไปเรียน ก็ต้องใช้ VISA คนละประเภท และเอกสารหลักฐานในการขอก็ไม่เหมือนกัน ค่าธรรมเนียมไม่เท่ากัน และระยะเวลาที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศของเขาก็แตกต่างกันด้วยค่ะ
ต้องขอให้จำไว้เสมอนะคะว่า การไปอยู่ในประเทศอื่นนั้น หากไม่ได้พำนักอยุ่โดยมีวัตถุประสงค์แบบเดียวกับที่ตอนที่ขอ VISA ไว้ เป็นการผิดกฎหมายนะคะ เช่น ขอ VISA ไปเที่ยว แต่จริง ๆ แล้วไปทำงาน
ถาม: ผมเป็นนักธุรกิจ ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมาก โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านและจีน มีคำแนะนำไหมครับ
ตอบ: ไทยเป็นสมาชิกของ APEC (Asia-Pacific Economic Cooperation) ซึ่งในกรอบความร่วมมือนี้ ก็มีการทําความตกลงให้นักธุรกิจเดินทางไปมาภายใน APEC ได้โดยสะดวกค่ะ นักธุรกิจไทยสามารถยื่นคําร้องขอมี ABTC (APEC Business Travel Card) ซึ่งจะอํานวยความสะดวกในการเดินทางไปประกอบธุรกิจในอีก 16 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ คือ ออสเตรเลยี บรูไน ชิลีจีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรูฟิลิปปินส์ ปาปัวนิวกินี สิงคโปร์ ไต้หวัน และเวียดนาม โดยไม่ต้องไปขอ visa กับสถานทูตแต่ละประเทศเลยค่ะ
นักธุรกิจที่สนใจสามารถยื่นคำร้องและสอบถามรายละเอียดได้จากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ได้ที่หมายเลข 0-2225-5474 หรือ 0-2622-1111 ต่อ 649 ค่ะ
ถาม: เพื่อนผมบอกว่า ถ้าไปยุโรป ขอ VISA ครั้งเดียว เข้าได้หลายประเทศ
ตอบ: ประเทศในยุโรป จํานวน 24 ประเทศ มีการทำความตกลงกัน โดยการออก VISA พิเศษ ที่มีชื่อว่า “Schengen Visa” เพื่ออํานวยความสะดวกให้คนประเทศต่าง ๆ ค่ะ คนไทยก็สิทธิขอ VISA นี้ค่ะ ผู้ที่มี Schengen Visa สามารถเดินทางเข้าประเทศเหล่านี้โดยไม่ต้องขอ VISA กับทุกประเทศอีก : ออสเตรีย เบลเยียม เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอซ์แลนด์ อิตาลี กรีซ ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แบนด์ นอร์เวย์ โปรตุเกส สเปน สวีเดน เช็ค เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิธัวเนีย ฮังการี มอลตา โปแลนด์ สโลวีเนีย และสโลวาเกีย
คุณจะสามารถพํานักอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลา 6 เดือน ขอทราบรายละเอียด และยื่นคําร้องขอ Schengen Visa ได้ที่สถานทูตประเทศดังกล่าวค่ะ ทั้งนี้ การยื่นขอ Schengen Visa จะต้องเป็นการขอที่สถานทูตของประเทศที่คุณจะไปพำนักอยู่นานที่สุด แต่หากไม่สามารถระบุได้ชัดเจน ก็ต้องไปขอที่สถานทูตของประเทศแรกที่จะเดินทางเข้าค่ะ
ถาม : ผมถือหนังสือเดินทางราชการ กําลงจะไปประชุมที่กรุงเวียนนา โดยจะไปเปลี่ยนเครื่อง ที่สนามบินกรงเอเธนส์ ทราบมาว่าถ้าเดินทางผ่านกรีซเพื่อเปลี่ยนเครื่องอย่างเดียว ไม่ต้องขอ visa และไทยก็มีความตกลงกับออสเตรียในการยกเว้นการตรวจลงตรา หนังสือเดินทางทูตและราชการ ดังนั้น การเดินทางของผมครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องขอ visa เลยใช่ไหมครับ ?
ทางการกรีซแจ้งว่า ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยทุกประเภท หากเดินทางผ่านกรีซไปประเทศ Schengen อื่น โดยกรีซเป็นประเทศแรกของ Schengen ที่เดินทางเข้า บุคคลผู้นั้นจะต้องขอ Schengen Visa ก่อนการเดินทาง ไม่ว่าประเทศ Schengen ที่เดินทางเข้าต่อจากนั้น จะมีความตกลง ในการยกเว้นการตรวจลงตรากับไทยหรือไม่ก็ตามค่ะ
ในขณะเดียวกัน หากเป็นการเดินทางผ่านกรีซเพื่อขึ้นเครื่องบินต่อไปประเทศอื่นที่ไม่ใช่ Schengen โดยไม่ออกไปนอกท่าอากาศยานกรุงเอเธนสื ผู้ถูอหนังสือเดินทางไทยทุกประเภทไม่ จำาเป็นต้องขอ visa เข้ากรีซก่อนการเดินทางค่ะ
ประเทศ Schengen มี 24 ประเทศ : ออสเตรีย เบลเยียม เดนมารก์ ฟินแลนด์ฝรั่งเศส เยอรมนีไอซแลนด์ อิตาลีกรีซ ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปรตุเกส สเปน สวีเดน เช็ค เอสโตเนีย ลัตเวยี ลิธัวเนีย ฮังการีมอลตา โปแลนด์ สโลวีเนีย และสโลวาเกีย
ประเทศ Schengen ที่มีความตกลง ยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการกับไทย 10 ประเทศ: ออสเตรีย เบลเยียม เยอรมนี อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ เช็ค ฮังการี โปแลนด์ และสโลวาเกีย
ประเทศ Schengen ที่ประกาศยกเว้น การตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูต และราชการให้ไทยฝ่ายเดียว 4 ประเทศ: เดนมาร์ก ฟนแลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน
ประเทศ Schengen ที่ผู้ถือหนังสือทูตและราชการของไทยต้องขอรับการ ตรวจลงตรา 10 ประเทศ : ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ กรีซ โปรตุเกส สเปน เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิธัวเนีย มอลตา และสโลวีเนีย
ถาม: กองตรวจลงตราฯ ที่กรมการกงสุล มีหน้าที่อะไรเกี่ยวกับ visa ครับ
ตอบ : หน้าที่หลักของกองตรวจลงตราฯ คือการดูแลการออก visa ของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลของไทยในต่างประเทศสำหรับคนต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้าเมืองไทยค่ะ นอกจากนี้กองตรวจลงตราฯ ก็มีหน้าที่เกี่ยวกับการอนุญาตให้คนต่างชาติที่เป็นนักการทูตหรือเจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศที่พํานักอยู่ในเมืองไทย เดินทางกลับเข้าเมืองไทยได้อีก (Re-entry)
หากคนต่างชาติทั่วไปที่อยู่ในเมืองไทย ต้องการติดต่อเรื่อง visa ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเปลี่ยนประเภทvisa หรือการขอขยายเวลาการพํานักในเมืองไทย ต้องติดต่อที่สํานักงาน ต.ม. ค่ะ โทรศัพท์ไปสอบถามก่อนได้ค่ะที่หมายเลข 0-2287-3101 ถึง 10
อนึ่ง กองตรวจลงตราฯ ก็สามารถให้คำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการขอ visa ไปต่างประเทศของคนไทยได้ค่ะ แต่ข้อมูลในรายละเอียดจะต้องไปสอบถามจากสถานทูตของประเทศนั้นๆ ในเมืองไทยเพราะเป็นอํานาจของแต่ละประเทศในการออก visa ให้คนต่างชาติเข้าประเทศของเขา
ถาม: ถ้าอย่างนั้น คนต่างชาติที่จะเข้ามาในเมืองไทย ก็ต้องขอ visa ก่อนใช่ไหมครับ
ตอบ : ใช้แล้วค่ะ คนต่างชาติที่จะเขามาในเมืองไทยก็ต้องขอ visa ที่สถานทูตหรือสถานกงสุลของไทยที่ต้องอยู่ในประเทศนั้นๆ ก่อน แต่ก็มีหลายประเทศคะที่ สามารถเข้าเมืองไทยได้ โดยไม่ต้องขอ visa หรือขอ visa ที่สนามบินก็ได้ สามารถตรวจสอบรายชื่อประเทศดังกล่าวได้จาก www.consular.go.th หรอื www.mfa.go.th นะคะ
ถาม : เพื่อนผมเป็นคนนิวซีแลนดมี ธุรกิจส่วนตัวอยู่ ทูตนิวซีแลนด์ชอบเมืองไทยมากเลยเดือนทางเข้า มาเที่ยวบ่อย เพราะไม่ต้องใช้ visa ด้วย บางครั้งใน 1 ปีเดินทางเข้า-ออกเมืองไทยบ่อยครั้ง มากจนนับได้ว่าอยู่ในเมืองไทยมากกว่าอยู่ ในนิวซีแลนด์เสียอีก แต่ตอนนี้ทราบว่า ต.ม. มีระเบียบใหม่เกี่ยวกับระยะเวลาที่อนุญาตให้คนตางชาติพานักอยู่หากเข้ามาโดยไม่มี visa ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถูกต้องค่ะ เพื่อไม่ให้คนต่างชาติจํานวนหนึ่งอาศัยช่องทางในการได้รับการยกเว้น visa เดินทางเข้าออกหลายครั้งเพื่อลักลอบทํางานในเมืองไทยอย่างผิดกฎหมาย สํานักงาน ต.ม. จึงออกมาตรการป้องกันไว้ ปัจจุบัน คนต่างชาติ 42 ประเทศ รวมถึงนิวซีแลนด์สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อการท่องเที่ยวโดยได้รับการยกเว้น visa (เรียกว่า ผ. 30) ซึ่งเจ้าหน้าที่ ต.ม. จะอนุญาตให้อยู่ได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน และรวมแล้วต้องไม่เกิน 90 วันภายใน 6 เดือนนับจากวันที่เดินทางเข้าครั้งแรกค่ะ
ในกรณีอย่างเพื่อนของคุณนี้ถ้าประสงค์จะท่องเที่ยวระยะยาวจริงๆ ขอแนะนำให้ขอ visa นักท่องเที่ยวจากสถานทูตไทยที่กรุงเวลลิงตัน หรือสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ที่เมืองโอคแลนด์ก่อนที่จะเดินทางเข้าเมืองไทย เพราะจะไดรับอนุญาตให้อยู่ได้นานกว่าการเข้ามาโดยไม่มี visa ค่ะ
ถาม : อาจารยของผมเป็นคนญี่ปุน เข้ามาเที่ยวเมืองไทยโดยได้รับการยกเว้น visa ได้รับอนุญาตจาก ต.ม. ใหอยู่ได้ 30 วัน สัปดาห์หน้าก็จะครบกําหนดแล้ว แต่บังเอิญว่า ท่านประสบอุบัติเหตุเล็กน้อยต้องพักรักษาตัวอีกระยะหนึ่งก่อนจะเดินทางกลับญี่ปุ่นได้ ทําอยางไรดีครับ
ตอบ : ขอแนะนําให้อาจารย์ของคุณขอใบรับรองแพทย์ไปแสดงกับสํานักงาน ต.ม. ที่ไหนก็ได้ค่ะแต่ต้องดําเนินการก่อนที่จะครบ 30 วันนะคะ สํานักงาน ต.ม. จะพิจารณาอนุญาตให้อยู่ต่อได้ตามความจําเป็นค่ะ
การที่คนต่างชาติอยู่เกินกําหนด โดยที่ไม่ขออนุญาตก่อน เมื่อเดินทางออกจากเมืองไทยจะถูกปรับตามจำนวนว้นที่อยู่เกินกําหนดค่ะ (ค่าปรับวันละ 500 บาท หรือรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 20,000 บาท)
ถาม : ผมทำธุรกิจส่งออก กําลังขยายกิจการ อยากจะจ้างคนจีนไว้ช่วยทําตลาดจีน ควรทำอย่างไรบ้างครับ
ตอบ : ขอแนะนําให้ปรึกษากรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานก่อนค่ะ เพราะมีกฎหมายและระเบียบต่างๆ กําหนดไว้สําหรับการจ้างคนต่างชาติ (www.doe.go.th)
สิ่งที่จำเป็นสําหรับนายจ้างก็คือการยื่นขอใบอนุญาตทํางาน (work permit หรือ ต.ท. 2)ให้คนต่างชาตินั้นๆ ขอแนะนําให้คุณยื่นขอใบอนุญาตทํางานล่วงหน้า (แบบฟอร์ม ต.ท. 3) หากกรมการจัดหางานพิจารณาแล้วเห็นควรอนุมัติก็จะออกหนังสือรับรองให้ซึ่งคุณก็สามารถส่งเอกสารที่ว่านี้และเอกสารประกอบคําร้องต่างๆ ที่คุณสามารถตรวจสอบได้จาก www.mfa.go.th หรือ www.consular.go.th ให้คนต่างชาตินั้นไปยื่นขอ Non-Immigrant visa ที่สถานทูตหรือสถานกงสุลของไทย ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยค่ะ
ถาม : เพื่อนผมเป็นคนอินเดีย มาเที่ยวเมืองไทยแลวติดใจครับ อยากจะอยู่ทํางานที่นี่ มีคําแนะนำไหมครับ
ตอบ : ถ้าอยากจะทํางานในเมืองไทย ก็ต้องมีนายจ้างก่อนนะคะ หน่วยงานที่อนุญาตให้คนต่างชาติทํางานในเมืองไทยได้ก็คือกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ส่วนเรื่องการอนุญาตให้พำนักอยู่ในเมืองไทยเป็นอํานาจตามกฎหมายของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ในกรณีนี้หากเพื่อนของคุณมีนายจ้างแล้ว ก็ควรจะกลับไปขอ visa ทํางาน (เรียกชื่อทางการว่าNon-immigrant “B” visa) จากสถานทูตหรือสถานกงสุลของไทยในอินเดยี โดยมีเอกสาร รับรองต่างๆ จากนายจ้างไปแสดง หรือหากให้นายจ้างยืนขอใบอนุญาตทํางานให้ล่วงหน้า(แบบฟอร์ม ต.ท. 3) ก็จะยิ่งทาให้ ขอ visa ได้ง่ายมากขึ้นค่ะ และเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไปขอรับ ใบอนุญาตทํางาน จากนั้น ไปยื่นคําร้องขออนุญาตอยู่ต่อกับสำนักงาน ต.ม. ก่อนที่จะครบกําหนด 90 วันค่ะ
ถ้าเพื่อนของคุณอยู่ต่อในเมืองไทยและทํางานโดยไม่มี visa ที่ถูกต้อง และไม่มีใบอนุญาตทํางาน ถือเป็นการผิดกฎหมายนะคะ อาจถูกปรับและเนรเทศกลับประเทศได้
ถาม : ผมมีแฟนเป็นคนฮ่องกง ตอนนี้อยู่ที่ฮ่องกง อยากจะแต่งงานและพาเธอมาอยู่ ด้วยกัน ที่เมืองไทย ตองทำอะไรบ้างครับ
ตอบ : ก่อนอื่น ต้องจดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อนค่ะ สามารถเลือกจดทะเบียนตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายฮ่องกงก็ได้ หลังจากนั้น ก็นำหลักฐานการจดทะเบียนสมรส ไปยื่นขอ visa คู่สมรสได้ที่สถานกงสุลใหญ่ของไทยในฮ่องกง (เรียกว่า Non-immigrant “O”) เมื่อได้ visa แล้ว ก็สามารถอยู่ในเมืองไทยระยะยาวได้แต่ต้องอย่าลืมไปขอต่ออายุการพํานัก ในเมืองไทยกับสํานักงาน ต.ม. แห่งไหนก็ได้เป็นประจํานะคะ
เรื่องการจดทะเบียนสมรสระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติสามารถขอคำแนะนำจากกองสัญชาติและนิติกรณ์กรมการกงสุล ได้ด้วยค่ะ
ถาม : ดิฉันแต่งงานกับคนเยอรมนีจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายเยอรมนีแล้ว ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันที่แฟรงก์เฟริต ดิฉันเคยพาเขามาเที่ยวเมืองไทยหลายครั้งแล้ว โดยไม่ได้ใช้ visa แต่ก็อยู่ ได้ไม่นาน อยากจะพาเขามาอยู่ระยะยาว ต้องทำอย่างไรบ้างค่ะ
ตอบ : สามีของคุณสามารถยื่นขอ Non-Immigrant “O” Visa ในฐานะคู่สมรสของคนไทยได้ที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟริตค่ะ ในการขอ visa นั้น ก็ต้องนําทะเบียนสมรส และหลักฐานไทยของคุณไปแสดงด้วย เมื่อสามีของคุณได้รับ visa แล้ว ก็สามารถเดินทางเข้าเมืองไทย และจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในครั้งแรกไม่เกิน 90 วัน หลังจากนั้น ก็สามารถขอ อยู่ต่อที่สำนักงาน ต.ม. แห่งไหนก็ได้โดยจะได้รับอนุญาตครั้งละไม่เกิน 1 ปีค่ะ
ถาม : ขอความกระจ่างอีกนิดหนึ่งครับ แปลว่า ถ้าคนต่างชาติเข้ามาอยู่ในเมืองไทยแล้ว สถานะเปลี่ยนไป เช่น แต่งงานกับคนไทย หรือเปลี่ยนจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างอื่น ต้องติดต่อเพื่อขออนุญาตกับสำนักงาน ต.ม. ใช่ไหมครับ
ตอบ : ถูกต้องค่ะ ต.ม. จะพิจารณาตามเอกสารและความจำเป็น ในบางกรณีอาจได้รับคําแนะนําให้กลับไปประเทศของตนเพื่อขอ visa ที่ถูกต้องเข้ามา จะได้ไม่ประสบปัญหาในอนาคตค่ะ