เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนาได้เข้าพบเอกอัครราชทูต Bettina Kirnbauer ที่ปรึกษาด้านต่างประเทศของนาย Alexander Van de Bellen ประธานาธิบดีสาธารณรัฐออสเตรีย

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนาได้เข้าพบเอกอัครราชทูต Bettina Kirnbauer ที่ปรึกษาด้านต่างประเทศของนาย Alexander Van de Bellen ประธานาธิบดีสาธารณรัฐออสเตรีย เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นสำคัญด้านต่างประเทศทั้งในมิติทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

เอกอัครราชทูตฯ ได้สอบถามความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลของนาย Sebastian Kurz หัวหน้าพรรค People’s Party (ÖVP) และแสดงความชื่นชมบทบาทความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีออสเตรียในช่วงวิกฤติทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ รัฐบาลไทยพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ของออสเตรียเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันต่อไป

เอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งเพิ่มเติมว่า ปี 2562 เป็นปีที่สำคัญสำหรับความสัมพันธ์ไทย - ออสเตรีย เนื่องจากเป็นปีที่ครบรอบ 150 ปี ของการลงนามในสนธิสัญญาไมตรี การค้าและการเดินเรือ เมื่อปี ค.ศ. 1869 ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญนี้ตลอดทั้งปี อาทิ การจัดแสดงดนตรีโดยวงดุริยางค์ของสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยดนตรีและศิลปะการแสดงแห่งกรุงเวียนนา โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เป็นองค์ประธานในการแสดงดังกล่าว และการจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึก 150 ปี มิตรภาพไทย-ออสเตรีย “Von der Donau an den Chao Phraya: 150 Jahre Freundschaftliche Verbindungen zwischen Österreich und Thailand“ ทั้งนี้ ในด้านความร่วมมือระหว่างกัน ไทยสนใจที่จะเรียนรู้จากและออสเตรียในประเด็นต่างๆ ที่ออสเตรียมีศักยภาพ เช่น เมืองอัจฉริยะ พลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นต้น ทั้งนี้ เอกอัครราชทูต ได้มอบหนังสือที่ระลึกครบรอบ 150 ปี สัมพันธภาพไทย-ออสเตรีย เพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่เอกอัครราชทูต Kirnbauer ด้วย

โดยเอกอัครราชทูต Kirnbauer ได้สอบถามความเห็นของเอกอัครราชทูตฯ ในมิติพหุภาคีในด้านต่าง ๆ และแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างกว้างขวาง เช่น บทบาทของออสเตรียในฐานะประเทศที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานของสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศ กระบวนการปฏิรูปสหประชาชาติ ภารกิจสำคัญในกรอบองค์การระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime – UNODC) ซึ่งประเทศไทยมีบทบาทที่โดดเด่นในเรื่องการพัฒนาทางเลือก (Alternative Development) องค์กรว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Cooperation in Europe) ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency) เป็นต้น