สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา จัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 5 ธันวาคม 2567

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา จัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 5 ธันวาคม 2567

นายชีวินท์ ณ ถลาง อุปทูตฯ ณ กรุงเวียนนา นำข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ พร้อมด้วยทีมประเทศไทย ณ กรุงเวียนนา จัดกิจกรรมต่าง ๆ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติไทย และวันพ่อแห่งชาติ วันที่ 5 ธันวาคม 2567 ประกอบด้วย (1) กิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เฉลิมพระเกียรติฯ โดยร่วมกับมูลนิธิ Caritas กรุงเวียนนา แจกอาหารปรุงร้อนให้แก่ผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งมูลนิธิ Caritas กรุงเวียนนา เป็นองค์กรการกุศลที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสในสังคม โดยเฉพาะผู้ไร้บ้าน ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ แม่และเด็กอ่อน รวมถึงผู้อพยพหนีภัยจากต่างประเทศที่พักอาศัยในออสเตรีย (2) พิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยนิมนต์พระสงฆ์ 3 รูป จากวัดไทยในกรุงเวียนนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตฯ และ (3) งานเลี้ยงรับรอง ณ โรงแรม Vienna Marriott กรุงเวียนนา โดยมีคณะทูตานุทูต เจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ แขกผู้มีเกียรติชาวออสเตรีย สโลวาเกีย และสโลวีเนีย รวมถึงชุมชนชาวไทยและครอบครัว ประมาณ 400 คน เข้าร่วมงาน

ในโอกาสนี้ อุปทูตฯ ได้กล่าวเปิดงานงานเลี้ยงรับรองโดยกล่าวถึงความสำคัญของวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี และพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยเฉพาะหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการพัฒนาทางเลือกที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งประเทศไทยเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาทางเลือก ครั้งที่ 9 โดยได้รับเกียรติจากผู้อำนวยการบริหาร UNODC เดินทางไปเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้ อุปทูตฯ ยังกล่าวถึงการดำเนินงานของสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อส่งเสริมบทบาทนำของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ อาทิ ความสำเร็จในการจัดตั้ง IAEA Collaborating Anchor Centre เป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการผลักดันการจัดตั้งศูนย์ Advisory Centre on International Investment Dispute Resolution รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับองค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ อาทิ CTBTO, UNIDO และ OSCE

ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและออสเตรีย อุปทูตฯ กล่าวถึงความก้าวหน้าของการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ทั้งด้านเศรษฐกิจ เกษตรอินทรีย์ อาชีวศึกษา startup การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม สำหรับในอนาคต รัฐบาลไทยจะมุ่งให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การส่งเสริมความเท่าเทียมกัน การสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เน้นนวัตกรรม และการเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศ รวมทั้งการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกของ UN Human Rights Council ค.ศ. 2025-2027 โดยมุ่งมั่นที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

จากนั้น นายแมกซีมิเลียน เฮนนิก อธิบดีกรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศออสเตรีย ในฐานะแขกเกียรติยศ กล่าวชื่นชมมิตรภาพที่ใกล้ชิดและมั่นคงยาวนานระหว่างออสเตรียกับไทยกว่า 155 ปี ทั้งในมิติพหุภาคีและทวิภาคี โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศมีความโดดเด่น ซึ่งประเทศไทยเป็นที่ตั้งของบริษัทออสเตรียจำนวนมาก  

นอกจากนี้ อุปทูตฯ ยังได้เชิญชวนผู้ร่วมงานน้อมใจถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและอำนวยพรแด่ประธานาธิบดีออสเตรีย และเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประชาชนทั้งสองประเทศ