เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 นางสาวมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย มอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท หรือประมาณ 25,500 ยูโร แก่สำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา เพื่อสนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการและผู้มีความบกพร่องทางกายภาพ ที่เข้าใช้บริการ ณ สำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา ในโอกาสที่ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหประชาชาติครบรอบ 75 ปี โดยมีนางกาดา วาลี ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา และผู้อำนวยการบริหารสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เป็นผู้รับมอบ
ในโอกาสนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ฯ ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนดังกล่าว โดยเห็นว่าเป็นแนวทางการเฉลิมฉลองวาระสำคัญซึ่งมีความยั่งยืนและสอดคล้องกับประเด็นที่เลขาธิการสหประชาชาติให้ความสำคัญ และแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศไทยต่อไปในเรื่องการส่งเสริมการเข้าถึงของทุกภาคส่วน นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้หารือกับผู้อำนวยการใหญ่ฯ เกี่ยวกับแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือในด้านการพัฒนาทางเลือก ซึ่งได้ประสบความสำเร็จในการขจัดการปลูกฝิ่นในประเทศไทย เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งในพื้นที่ชนบทและชุมชนเมือง การใช้กีฬาเพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันอาชญากรรมในหมู่เยาวชน และการส่งเสริมการปฏิบัติตามข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิงหรือ “ข้อกำหนดกรุงเทพฯ” นอกจากนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ฯ ได้แจ้งเกี่ยวกับแผนการเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อเปิดตัวแผนงานระดับภูมิภาคของ UNODC สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ซึ่งจะเป็นแผนการดำเนินงานแบบบูรณาการฉบับแรกของสำนักงานระดับภูมิภาคของ UNODC ซึ่งมีที่ตั้งในประเทศไทยด้วย
อนึ่ง ไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของสหประชาติตามข้อมติของสมัชชาสหประชาชาติที่ 101 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2489 ถือเป็นสมาชิกลำดับที่ 55 ตลอด 75 ปีที่ผ่านมา ไทยถือเป็นหนึ่งในรัฐสมาชิกที่มีบทบาทอย่างเข้มแข็ง สร้างสรรค์ และต่อเนื่อง มีความร่วมมือกับรัฐสมาชิกอื่น ๆ ตั้งแต่เรื่องการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก ไปจนถึงการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และการผลักดันวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยหนึ่งในประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องคือการส่งเสริมสิทธิของผู้พิการ การสนับสนุนสำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนาในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการในครั้งนี้ จึงเป็นการย้ำถึงสิ่งที่ไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด คือ การส่งเสริมให้ผู้พิการได้รับโอกาสเข้าถึงบริการต่าง ๆ เฉกเช่นบุคคลทั่วไป